วันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เรียนครั้งที่ 4

บันทึกอนุทิน

วิชา การจัดประสบการณ์ภาษาสำหรับเด็กปฐมวัย

อาจารย์ผู้สอน อาจารย์ตฤณ แจ่มถิน

วัน 5 กรกฎาคม 2556

เวลา 13.10-16.40

เวลาเข้าสอน 13.10 เวลาเรียน13.10 เวลาเลิกเรียน 16.40

นำเสนองาน



สิ่งที่ได้จากการเรียน
กลุ่มที่ 1

ภาษาใช้สื่อความคิดที่มีควมหมายตรงกัน  ทุกสิ่งทุกอย่างที่ใช้สื่อความหมายเข้าใจตรงกัน
ความสำคัญของภาษา
มนุษย์กำหนดขึนเพื่อให้เข้าใจกัน
   ภาษาเป็นสิ่งผสานความรัก  ความสามัคคี
   ภาษาช่วยพัฒนามนุษย์
จากการดูบรรยายวีดีโอ
เด็กจะพูดได้สื่อความหมายช้า แต่เข้าใจความหมายอาจยังไม่เป็นคำมากนัก บางคนพูดเสียงเบา บางคนพูดเสียงดัง ก็ขึ้นอยู่กับการแสดงออกแต่ละคน เด็กจะแสดงออกได้ดีเมื่ออยู่กับเพื่อน


กลุ่มที่ 2

แนวคิดของนักทฏษฎี


Chomsky
นักจิตวิทยาด้านภาษาได้ศึกษา เด็กต้องมีแรงจูงใจในการสื่อสาร


เพียเจต์
เด็กต้องมีส่วนร่วมและลงมือปฏิบัติโดยผ่านการเล่นและกิจกรรมต่างๆ

จอห์น ดิวอี้
เด็กเป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้

ไวก๊อตสกี้
เด็กเกิดการเรียนรู้จากตนเอง  ผ่านบุคคลและสภาพแวดล้อม  ผ่านสัญลักษณ์และกิจกรรม



กลุ่ม 3

พัฒนาการทางสติปัญญา
อายุแรกเกิด - 2 ปี-  ลูกจะใจจดจ่อกับใบหน้าของพ่อแม่ ลูกจะจดจำใบหน้าของพ่อแม่
อายุ  4 สัปดาห์-  เมื่อยืนหน้าใกล้ทารกจะเห็นหน้าทารก เด็กจะพยายามเลียนแบบ
อายุ  6 สัปดาห์-  จะยิ้มไล่หลังพ่อแม่ และมองตามของเล่นไปมา
อายุ  8 สัปดาห์-  ถือของเล่นที่มีสีสันสดใส เด็กจะสนใจ
อายุ  3 เดือน-  มองของเล่นที่แขวนอยู่ เด็กจะรู้จักการสังเกตมากขึ้น
อายุ  4 เดือน-  จะแสดงความตื่นเต้นออกเมื่อเด็กมีอารมณ์ต่างๆ
อายุ  5 เดือน-  เด็กจะแสดงพฤติกรรมมากขึ้น


อายุ  6 เดือน-  จะสนใจกระจกเงา เริ่มชอบอาหารที่พ่อแม่ให้กิน
อายุ 8 เดือน-  รู้จักชื่อของตนเอง รู้จักคำว่า "ไม่"
อายุ  9 เดือน-  แสดงความปรารถนามากขึ้น  เริ่มสนใจสิ่งต่างๆมากขึ้น
อายุ  10 เดือน-  ตบมือ โบกมือได้
อายุ  11 เดือน-  รู้จักเกมง่ายๆ วางของตรงตำแหน่ง
อายุ  12 เดือน-  ทำอะไรก็ได้ที่ทำให้ผู้ใหญ่หัวเราะ ชอบอ่านหนังสือ
อายุ  15 เดือน-  เริ่มแสดงว่าทำอะไรได้เองแล้ว
อายุ  21 เดือน-  เด็กจะสนใจแล้วให้พ่อแม่ไปดู
อายุ  2 ปี-  เล่นอะไรคนเดียวได้แล้ว


จากการดูบรรยายวีดีโอ
เด็กอายุ 1 เดือน
  เด็กจะเริ่มมองหน้าแม่  เริ่มรู้รสสัมผัสต่างๆ แม่ต้องอุ้มลูกบ่อยๆ ยิ้มแย้มสบตาบ่อยๆ ให้กินนมแม่อย่างเดียว ให้ลูกสัมผัสกับแม่มากที่สุด
เด็กอายุ 2 เดือน
  เริ่มคุยอ้อแอ้ เรียนรู้เสียงต่างๆ มองตามเสียงต่างๆ ดีใจเมื่อได้กินนม ใช้ของเล่นสีสดใสให้ลูกมองตาม แขวนออกจากหน้าลูกประมาณ 1 ศอก พ่อแม่ควรทำเสียงต่างๆ ให้ลูกมองตาม ลูกเริ่มชันคอได้แล้ว อาจเปลี่ยนให้ลูกนอนบนที่นอนนุ่มๆ ให้ดื่มนมแม่อย่างเดียว
เด็กอายุ 3 เดือน
  เริ่มชันคอได้ตรง เริ่มโต้ตอบได้แล้ว บริเวณที่นอนควรเป็นที่ถ่ายเทได้สะดวก พ่อแม่ต้องระวังเป็นพิเศษ ถ้าลูกยังไม่สบตา ไม่นอนคว่ำ ควรพาลูกไปพบแพทย์เพื่อขอคำแนะนำ ควรสื่อสารกับลูกบ่อยๆ

กลุ่ม 4

  พัฒนาการด้านสติปัญญา 2-4ปี


จากการดูบรรยายวีดีโอ
  พัฒนาการด้านสติปัญญาของเพียเจต์เป็นไปตามลำดับขั้นตอน ควรส่งเสริมไปเรื่อยๆ ตามพัฒนาการของเด็ก เช่นทางด้านภาษาจะมีปฏิสัมพันธ์กับคนแปลกหน้าจะมีความสนใจโต้ตอบกัน

กลุ่ม 5 


จากการดูบรรยายวีดีโอ
  อายุ 4-6 ปี
จะเป็นช่วงที่มีพัฒนาการมากขึ้น เด็กสามารถบอกชื่อตนเองได้จะถามว่า "ทำไม อะไร" เข้าใจได้ง่าย เด็กมักจะสนใจคำพูดของผู้ใหญ่มากขึ้น เด็กจะอายเมื่อมีคนมาสัมภาษณ์หรือสอบถาม จะทำพฤติกรรมตามผู้ใหญ่เมื่อเด็กมีความสนใจสิ่งนั้น

กลุ่ม 6

แนวคิดนักจิตวิทยาการเรียนรู้
1.การเรียนรู้คือการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของบุคคลที่เป็นผลเนื่องมาจากการได้รับประสบการณ์และทำให้บุคคลเผชิญกับสถานการณ์เดิมแตกต่างไปจากเดิม
2. การเรียนรู้เป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยวุฒิภาวะ  ลักษณะสำคัญที่แสดงให้เห็นว่ามีการเรียนรู้เกิดขึ้น คือ มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่ค่อนข้างคงทนถาวร  ที่เป็นผลมาจากประสบการณ์หรือการฝึก การปฏิบัติซ้ำๆ และมีการเพิ่มพูนในด้านความรู้ ความเข้าใจ ความรู้สึกและความสามารถทั้งทางปริมาณและคุณภาพ
3.ทฤษฎีการเรียนรู้ต่างๆ ช่วยให้ครูจัดการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

องค์ประกอบสำคัญของการเรียนรู้

            ดอลลาร์ด และมิลเลอร์  (Dallard and Miller) เสนอว่าการเรียนรู้ มีองค์ประกอบสำคัญ 4  ประการ คือ
           1.แรงขับ (Drive) เป็นความต้องการที่เกิดขึ้นภายในตัวบุคคลเป็นความพร้อมที่จะเรียนรู้ของบุคคลทั้งสมอง ระบบประสาทสัมผัสและกล้ามเนื้อ  แรงขับและความพร้อมเหล่านี้จะก่อให้เกิดปฏิกิริยา หรือพฤติกรรมที่จะชักนำไปสู่การเรียนรู้ต่อไป
            2.สิ่งเร้า (Stimulus) เป็นสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นในสถานการณ์ต่างๆ   ซึ่งเป็นตัวการที่ทำให้บุคคลมีปฏิกิริยา  หรือพฤติกรรมตอบสนองออกมา ในสภาพการเรียนการสอน สิ่งเร้าจะหมายถึงครู  กิจกรรมการสอน  และอุปกรณ์การสอนต่างๆ ที่ครูนำมาใช้
            3.การตอบสนอง (Response) เป็นปฏิกิริยา หรือพฤติกรรมต่างๆ ที่แสดงออกมาเมื่อบุคคลได้รับการกระตุ้นจากสิ่งเร้า ทั้งส่วนที่สังเกตเห็นได้และส่วนที่ไม่สามารถสังเกตเห็นได้    เช่น การเคลื่อนไหว ท่าทาง  คำพูด การคิด  การรับรู้  ความสนใจ และความรู้สึก  เป็นต้น
            4.การเสริมแรง (Reinforcement) เป็นการให้สิ่งที่มีอิทธิพลต่อบุคคลอันมีผลในการเพิ่มพลังให้เกิดการเชื่อมโยง ระหว่างสิ่งเร้ากับการตอบสนองเพิ่มขึ้น การเสริมแรงมีทั้งทางบวกและทางลบ ซึ่งมีผลต่อการเรียนรู้ของบุคคลเป็นอันมาก

การนำความรู้ไปใช้

            1.ก่อนที่จะให้ผู้เรียนเกิดความรู้ใหม่  ต้องแน่ใจว่า ผู้เรียนมีความรู้พื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับความรู้ใหม่มาแล้ว
            2.พยายามสอนหรือบอกให้ผู้เรียนเข้าใจถึงจุดมุ่งหมายของการเรียนที่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ตนเอง
            3.ไม่ลงโทษผู้ที่เรียนเร็วหรือช้ากว่าคนอื่นๆ และไม่มุ่งหวังว่าผู้เรียนทุกคนจะต้องเกิดการเรียนรู้ที่เท่ากันในเวลาเท่ากัน
            4.ถ้าสอนบทเรียนที่คล้ายกัน ต้องแน่ใจว่าผู้เรียนเข้าใจบทเรียนแรกได้ดีแล้วจึงจะสอนบทเรียนต่อไป
            5.พยายามชี้แนะให้ผู้เรียนมองเห็นความสัมพันธ์ของบทเรียนที่มีความสัมพันธ์กัน

กลุ่ม  7

วิธีการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย

จากการดูบรรยายวีดีโอ
     การเล่นและการเข้าร่วมสังคมของเด็ก  การเรียนรู้ของเด็กเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่เกิดจากการทำงานของโครงสร้างทางปัญญา วิธีการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยจะเป็นการที่เด็กพยายามช่วยเหลือตนเอง  การเรียนรู้เกิดจากการเล่นจะช่วยพัฒนาการของเด็ก เด็กจะเริ่มจับกลุ่มอายุ 2-3 ปี มากที่สุด  เด็กจะช่วยเหลือตนเองมากขึ้น การเรียนรู้มาจากสัมผัสทั้ง 5

กลุ่ม  8

องค์ประกอบของภาษา

จากการดูบรรยายวีดีโอ
ประกอบด้วยเสียง >>> การอ่าน     >  ลักษณะการอ่าน
         ระบบเสียง > ตัวอักษร
               ไวยากรณ์ > คำ
                      > ประโยค
               ความหมาย > ศัพท์
                       > ประโยค
เสียง"เฮะ" เสียงที่เด็กจะรู้เปียกชื้น เหนียวตัว เด็กจะรู้สึกไม่สบายตัว
เสียง"แม่" จะมักเป็นคำแรกที่เด็กพูดได้
การสอนพูด เด็กจะพยายามพูดตามที่ผู้ใหญ่พูดและจะพยายามทำให้เหมือนมากที่่สุด

กลุ่ม 10

จากการดูบรรยายวีดีโอ

หลักการจัดประสบการณ์ทางภาษา
    ภาษาและธรรมชาติ Whole Language
การสอนภาษาของเด็กอนุบาล เด็กแรกเกิดจะเน้นทำไวยากรณ์ต่อให้ฝึกเด็กก็ยังอ่านไม่ออก ควรหาการสอนที่เหมาะสมกับเด็ก เด็กจะเน้นจำความหมาย การสอนแบบธรรมชาติไม่ไใช่การสอนๆ จะสอนเรื่องต่างๆรวมไปด้วย เด็กจะต้องเรียนภาษาที่มีความหมายกับตัวเด็ก ภาษาไม่ว่าจะเป็นทักษะอะไรเด็กควรนำไปใช้ได้ อย่าคาดหวังว่าเด็กจะเรียนรู้เหมือนกันหมดทุกคน เป็นความคาดหวังที่ไม่ถูกต้อง เด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน ควรจัดกิจกรรมที่บูรณาการทั้ง 6 กิจกรรมหลัก
     การอ่านที่หลากหลายเป็นสิ่งจำเป็น การอ่านมี 3 รูปแบบ
1.การอ่านแบบอิสระ
2.การอ่านร่วมกัน
3.การยอมรับในสิ่งที่เด็กทำ
     ให้เด็กมีส่วนร่วมมากที่สุด ครูควรเข้าใจพัฒนาการของเด็ก การเขียนของเด็กอนุบาลไม่ใช่การเขียนของเด็กประถมศึกษา อย่าคาดหวังกับเด็ก ภาษาของเด็กไม่จำกัดขอบเขต ครูไม่ควรไปดุด่าว่าเด็กว่าถูกหรือผิด


นำไปใช้ประโยชน์

สิ่งที่นำไปใช้คือการสอดแสรกเนื้อหาในชีวิตปัจจุบันกับภาษาที่ถูกต้องตามความเป็นจริงเพื่อให้เด็กเข้าใจอย่างถูกต้อง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น